เหตุการณ์ปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก อุบลราชธานี

เมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา ประมาณ 10 นาที ผลของการปะทะทหารไทยปลอดภัย ส่วนทหารกัมพูชา เสียชีวิต 1 นายนั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 29 พ.ค. พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้พบปะหารือกับ พลเอก เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ที่ช่องจอม จ.สุรินทร์ พร้อมมีข้อตกลงโดยมีสาระสำคัญคือ …

ปัจจุบันกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยปะทะได้เคลื่อนออกจากพื้นที่แล้ว ถือเป็นการคลี่คลายความตรึงเครียดระหว่างกันนอกจากนี้ ผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่ายได้ระบุว่าจะกำกับดูแลกำลังพลให้อยู่ภายใต้กรอบการเจรจาอย่างเคร่งครัด โดยผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ย้ำว่า ในส่วนของกัมพูชา หากมีผู้ใดฝ่าฝืนข้อตกลงที่ได้ร่วมกันวางไว้ในวันนี้ จะดำเนินการย้ายกำลังออกจากพื้นที่ทันที และยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชาสามารถควบคุมและสั่งการหน่วยงานทุกหน่วยได้อย่างเด็ดขาด ….สรุปก็คือให้ทั้ง 2 ฝ่ายถอยออกมาจากพื้นที่ปะทะ แต่มาวันนี้ทางกองบัญชาการทหารสูงสุดของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ โดยยืนยันที่จะคงทหารติดอาวุธไว้เหมือนเดิม ซึ่งมีข้อความสำคัญในข้อ 4 ดังต่อไปนี้…

4. ฝ่ายกัมพูชาจะไม่ถอนกำลังหรือวางกำลังโดยไม่ติดอาวุธ ณ จุดที่เกิดการปะทะ เพราะบริเวณดังกล่าวฝ่ายกัมพูชาได้ครอบครองมาตั้งแต่ก่อนมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการรังวัดและกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชาปี 2543 (MOU 2543)

นี่แค่ตกลงสัญญากันอย่างดีไม่ทันข้ามคืน กัมพูชาก็บิดพลิ้วเสียแล้ว อันแสดงให้เห็นว่าไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาเหมือนกับการที่มีการตกลงกันไว้แล้ว ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่ากองทัพบกไทยจะมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร ในเมื่อกัมพูชาอ้างสิทธิ์การครอบครองก่อนทำ MOU 2543 ไม่ยอมถอนทหารออกไป